![bali](http://club.thaiglider.com/files/200810_11_27/25/IMGP6138.JPG)
ถ้านักบิน หนัก 85 กิโล
ร่มหนัก 6 กิโล ร่มสำรอง 2 กิโล ชุดที่นั่ง 6 กิโล รองเท้าหมวกและอื่นๆ อีก 1 กิโล รวม 15 กิโล
น้ำหนักทั้งหมดขณะบิน = 85+15 = 100 กิโลกรัม
ถ้าคิดที่ Wing Loading 3.1 (ร่มมีอัตราการสูญเสียความสูงน้อย แต่จะบินช้า ตอบสนองช้า)
Wing Loading (3.1) = น้ำหนัก 100 กิโลกรัม / พื้นที่ปีก
จะได้ พื้นที่ปีก = 100 / 3.1 = 32 ตารางเมตร
คิดที่ Wing Loading 3.8 (ร่มมีอัตราการสูญเสียความสูงมาก แต่จะบินเร็ว ตอบสนองเร็ว)
Wing Loading 3.8 = น้ำหนัก 100 กิโลกรัม / พื้นที่ปีก
จะได้ พื้นที่ปีก = 100 / 3.8 = 26.3 ตารางเมตร
ขนาดปีก ที่เลือกใช้ จึงเป็นไปได้ ตั้งแต่ ขนาด 26 ตารางเมตร จนถึง 32 ตารางเมตร
ขนาดปีก 26 ตารางเมตร ร่มจะมีความเร็ว และการตอบสนองที่รวดเร็ว แต่จะสูญเสียความสูง เร็วมากเช่นกัน
ถ้านำมาร่อนในสภาวะที่ลมไม่แรง หรือเทอร์มอลอ่อน จะร่อนได้ไม่ค่อยดี เกาะลิฟท์ไม่ค่อยอยู่
แต่ถ้านำไปบินกับพารามอเตอร์ ไม่มีปัญหาเพราะมีใบพัดคอยขับเคลื่อนอยู่แล้ว
![wm1](http://club.thaiglider.com/files/20080925/SANY0066.JPG)
สำหรับปีก ขนาด 32 ตารางเมตร จะเหมาะสมกับการร่อน ที่มีลิฟท์อ่อนๆ ร่มจะไม่ค่อยสูญเสียความสูง
ร่มมีการตอบสนองที่นิ่มนวล ไม่รวดเร็ว(หรืออาจตอบสนองช้า) เหมาะกับการบินแบบผ่อนคลาย
แต่ถ้าลมแรงขึ้น ความเร็วในการเดินหน้าจะไม่ค่อยดี
ร่มขนาดเดียว จึงไม่เหมาะสม สำหรับทุกๆสภาวะอากาศ หรือประเภคของการบิน
ถ้าต้องเลือกขนาดเดียว เพื่อบิน ทั้งร่มร่อน และร่มบิน ก็จะเลือกขนาดกลางๆ ระหว่าง 26-32 คือ 29 ตารางเมตร
ในการบิน บางครั้ง ก็จะใช้ถุงใส่น้ำ (water ballast) มาเป็นตัวถ่วง เพื่อให้ได้น้ำหนักที่เหมาะสม
![bali2](http://club.thaiglider.com/files/200810_11_27/25/IMGP6166.JPG)
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียง การหาขนาดร่ม ที่เหมาะสมกับน้ำหนักเบื้องต้น เท่านั้น
แต่เวลาจะเลือกใช้จริงๆ ก็ต้องดูตามสเป็คของร่มอีกที เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด ![Laughing](http://club.thaiglider.com/images/smiles/icon_lol.gif)